เมื่อผิวแห้งและขาดน้ำ มันอดไม่ได้ที่จะต้องสาดครีมหนาๆโบ๊ะหน้า แต่มันอาจเป็นผลร้ายต่อผิวมากกว่าจะดีและยังเสียเงินฟรีอีกด้วย ฮิเลอรี่ ดอร์เรียน ผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Barefoot Botanicals กล่าวไว้ว่า โดยทั่วไปแล้วผิวสามารถดูดซึมสิ่งที่คุณใช้ได้ถึง 60% ส่วนที่ยังเหลือไม่ได้ดูดซับนั้นก็จะคงอยู่บนผิวหน้า อุดตันรูขุมขน ส่งผลให้เกิดสิวบนใบหน้า
ใบหน้า
ดอร์เรนกล่าวว่า ผิวที่ขาดน้ำจะดูดซึมของเหลวได้มากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนผิวมันก็ยังคงสามารถดูดซึมผลิตภัณฑ์เข้าสู่ผิวได้แต่จะดูดซึมน้อยกว่าเพราะผิวไม่ได้ขาดน้ำ การบำรุงที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดการอุดตันบนผิวหนังและทำให้ผิวหนังผลิตน้ำมันออกมามากเกินความจำเป็น เพียงบีบครีมในปริมาณเท่ากับเมล็ดถั่วและถูลงในฝ่ามือเพื่ออุ่นเนื้อครีมก่อนจะทาลงบนผิวหนังเท่านั้นก็เพียงพอ
ดวงตา 
ผิวหนังบริเวณรอบดวงตานั้นบางกว่าส่วนอื่นบนใบหน้าและมีต่อมน้ำมันน้อยกว่า ดังนั้นผิวหนังบริเวณนี้จึงดูดซึมครีมบำรุงได้มากกว่า ดอร์เรนแนะนำให้ ใช้ครีมสำหรับดวงตาในปริมาณเท่ากับเมล็ดข้าว ทาลงเบาๆโดยใช้นิ้วนางแตะๆลงไปเป็นวิธีการทา สิ่งสำคัญคือต้องไม่ถูหรือไถผิวหนังบอบบางบริเวณรอบดวงตาเพราะอาจทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยได้
ร่างกาย
กระโดดออกจากอ่างอาบน้ำและทาครีมบำรุงบนร่างกายภายใน 3 นาทีหลังเช็ดตัวให้แห้ง เพื่อให้มั่นใจว่าผิวกักเก็บน้ำได้เต็มที่ ดอร์เรนกล่าวว่า พยายามอย่าให้เหลือเนื้อครีมบนผิว ทาให้ทั่วบริเวณทั้งหมด
ริมฝีปาก
คุณติดลิปบาล์มหรือเปล่า? การใช้บ่อยเกินไปจะทำให้ผิวหนังบนริมฝีปากไม่ผลิตน้ำมันของตัวเองออกมา ผลิตภัณฑ์ที่มีความเหนอะมากจนเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดจุดเล็กๆบริเวณรอบๆริมฝีปากได้ ดอร์เรนยังได้กล่าวไว้ว่า หากคุณใช้บาล์มธรรมชาติที่มีคุณภาพดี แค่ในปริมาณเล็กกว่าเมล็ดถั่วก็เพียงพอต่อการใช้แล้ว
เส้นผม
การใช้ครีมนวดผมบริเวณรากผมในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้ผมเหนียวและลีบ ดังนั้นจึงควรใช้ครีมนวดผมที่บริเวณปลายผมเท่านั้น หากรากผมของคุณได้รับการบำรุงจากผลิตภัณฑ์มากจนเกินไป จะทำให้การจัดแต่งทรงผมทำได้ยากและคุณยังจะเจอปัญหาเป่าผมแล้วแห้งช้าอีกด้วย